สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
ทรงมีพระราโชวาทแก่ผู้ประสานงานโครงการส่งเสริมคุณภาพการศึกษา ตชด. เมื่อเดือนสิงหาคม พ.ศ. ๒๕๓๑ ความว่า
"อย่างเรานั้นมีโอกาสที่ดีมาก มีอาหารการกินที่ดีทุกอย่าง อยากได้อะไรก็ได้และยังมีโอกาสศึกาษาเล่าเรียนอย่างเต็มที่ ซึ่งนักเรียนเหล่านั้นจะได้รับการศึกษาคงจะไปไม่ถึงระดับที่เราได้ ส่วนที่เราได้รับก็เป็นการศึกษาพิเศษ เพราะฉะนั้นเมื่อเราเป็นบุคคลพิเศษได้โอกาสดีกว่าคนอื่น ก็เท่ากับประชาชนทั้งชาติสนับสนุนให้ทุนมาให้ศึกษาได้ถึงระดับอุดมศึกษา ก็จะต้องมีหน้าที่ที่จะต้องทำอะไรตอบแทน เพื่อให้เพื่อนร่วมชาติสนับสนุนเราได้มีโอกาสที่ดีขึ้นกว่านี้"
จากพระราชดำริของ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี แสดงให้เห็นว่า เยาวชนไทยที่ควรอยู่ในวัยเล่าเรียนอีกเป็นจำนวนมากไม่มีโอกาสได้เรียนต่อเพื่อนำความรู้ไปใช้พัฒนาท้องถิ่นของตน พระองค์ทรงมีพระราชดำรัส ไว้เมื่อวันที่ ๒๗ เมษายน พ.ศ.๒๕๓๑
"...จึงอยากจะตั้งกองทุนแล้วก็สนับสนุนให้นักเรียนเหล่านั้น เลือกเอาจากโรงเรียนในเขตที่จะหาโอกาสในการศึกษาต่อได้ยาก ให้ได้รับการศึกษาต่อพอเป็นตัวอย่าง อาจจะมีกฎข้อบังคับบางประการให้ต้องกลับมาเป็นผู้ช่วยทำความเจริญให้หมู่บ้าน หรืออะไร.. การที่นักเรียนได้เรียนต่อนั้นก็จะเป็นประโยชน์ต่อนักเรียนเอง คือ เมื่อมีความรู้มากขึ้น ควรจะมีโอกาสที่จะได้เลือกงานมีอาชีพเลี้ยงตัวที่จะทำประโยชน์ให้แก่ตนเองและทำประโยชน์ให้กับคนอื่นได้มากขึ้น..."
มูลนิธิมีปณิธานที่จะสืบสานแนวพระราชดำรินี้ ด้วยการส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาทรัพยากรบุคคลให้มีวิชาชีพชั้นสูงในระดับอุดมศึกษาให้มีคุณภาพสอดคล้องกับความต้องการของชุมชนและท้องถิ่น ทั้งด้านความรู้และความสามารถ และด้านคุณธรรมจริยธรรม จึงเห็นควรสนับสนุนโครงการของสถาบันอุดมศึกษาที่มีลักษณะเอื้ออำนวยให้เยาวชนซึ่งอยู่ในถิ่นทุรกันดาร ได้เข้าเรียนหลักสูตรที่ปลูกฝังความรู้ ความคิด ความสามารถ ตลอดจนเจตคติที่จะนำความรู้ ความสามารถกลับไปสร้างสรรค์ความเจริญให้แก่ท้องถิ่นของตนเอง